Registro completo |
Provedor de dados: |
Thai Agricultural
|
País: |
Thailand
|
Título: |
ประสิทธิภาพของกรดอินทรีย์ต่อสมรรถนะการผลิตและคุณภาพซากในไก่เนื้อ
Efficacy of organic acid on growth performance and carcass quality in broiler
|
Autores: |
Dungjai Jongtamklang
Nattanan Saenthaweesuk
Anut Chantiratikul
Jowaman Khajarern
|
Data: |
2015-06-04
|
Ano: |
2013
|
Palavras-chave: |
Broiler chicken
Supplemention
Organic acid
Additive
Digestibility
Nutrient absorption
Production performance
Feed conversion ratio
Carcass quality
ไก่เนื้อ
การให้อาหารเสริม
กรดอินทรีย์
สารเสริม
ประสิทธิภาพการย่อย
การดูดซึมสารอาหาร
ค่าความเป็นกรดด่าง
สมรรถนะการผลิต
อัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนัก
คุณภาพซาก
|
Resumo: |
ผลของการเสริมกรดอินทรีย์ (double-coated calcium butyrate base supplement) ต่อสมรรถนะการผลิตและคุณภาพซากในไก่เนื้อ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มควบคุม (PC, NC1 และ NC2) มีการให้อาหารแบ่งตามช่วงอายุไก่เนื้อเป็น 3 ช่วงอายุ (1-21วัน, 22-35วัน และ 36-42วัน) โดยไก่เนื้อแต่ละกลุ่มจะได้รับอาหารแตกต่างกัน ดังนี้ กลุ่มอาหารพื้นฐาน, NC1 (กลุ่มอาหารพื้นฐานที่ลดระดับพลังงานใช้ประโยชน์ได้ลง 40 กิโลแคลอรี่ต่อกิโลกรัม, ลดเมทไธโอนีนและไลซีนลง 1.5 เปอร์เซ็นต์) และ NC2 (กลุ่มอาหารพื้นฐานลดระดับพลังงานใช้ประโยชน์ได้ลง 60 กิโลแคลอรี่ต่อกิโลกรัม, ลดเมทไธโอนีนและไลซีนลง 2.2 เปอร์เซ็นต์) เสริมกรดอินทรีย์ในทั้ง 3 ช่วงอายุ ดังนี้ ในกลุ่ม PC เสริม 750-500-500 ppm และในกลุ่ม NC1 และ NC2 เสริม 1000-750-750 ppm จากการศึกษาพบว่า การเสริมกรดอินทรีย์ในอาหารทั้ง 3 กลุ่ม มีสมรรถนะการผลิตต่างๆ ได้แก่ น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น, อัตราการเลี้ยงรอด, อัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักและดัชนี การผลิตไม่แตกต่างจากกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับการเสริมกรดอินทรีย์ ยกเว้นในช่วงไก่เนื้อระยะเริ่มต้น (1-21 วัน) กลุ่ม PC ที่เสริมกรดอินทรีย์มีอัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักและดัชนีการผลิตดีกว่ากลุ่ม PC ที่ไม่ได้เสริมกรดอินทรีย์ (P<0.05) นอกจากนี้กลุ่มที่มีการเสริมกรดอินทรีย์ทุกกลุ่มทดลองจะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับการเสริม กรดอินทรีย์ และไก่เนื้อกลุ่มที่ได้รับอาหารพื้นฐาน NC1 ร่วมกับการเสริมกรดอินทรีย์ที่ระดับ 1000-750-750 ppm มีผลกำไรที่ต่างจากกลุ่มควบคุมสูงที่สุด เมื่อพิจารณาคุณภาพซากพบว่า ไก่เนื้อทุกกลุ่มทดลองมีคุณภาพซากต่างๆ ไม่มีความแตกต่างกัน (P>0.05)
ผลของการเสริมกรดอินทรีย์ (double-coated calcium butyrate base supplement) ต่อสมรรถนะการผลิตและคุณภาพซากในไก่เนื้อ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มควบคุม (PC, NC1 และ NC2) มีการให้อาหารแบ่งตามช่วงอายุไก่เนื้อเป็น 3 ช่วงอายุ (1-21วัน, 22-35วัน และ 36-42วัน) โดยไก่เนื้อแต่ละกลุ่มจะได้รับอาหารแตกต่างกัน ดังนี้ กลุ่มอาหารพื้นฐาน, NC1 (กลุ่มอาหารพื้นฐานที่ลดระดับพลังงานใช้ประโยชน์ได้ลง 40 กิโลแคลอรี่ต่อกิโลกรัม, ลดเมทไธโอนีนและไลซีนลง 1.5 เปอร์เซ็นต์) และ NC2 (กลุ่มอาหารพื้นฐานลดระดับพลังงานใช้ประโยชน์ได้ลง 60 กิโลแคลอรี่ต่อกิโลกรัม, ลดเมทไธโอนีนและไลซีนลง 2.2 เปอร์เซ็นต์) เสริมกรดอินทรีย์ในทั้ง 3 ช่วงอายุ ดังนี้ ในกลุ่ม PC เสริม 750-500-500 ppm และในกลุ่ม NC1 และ NC2 เสริม 1000-750-750 ppm จากการศึกษาพบว่า การเสริมกรดอินทรีย์ในอาหารทั้ง 3 กลุ่ม มีสมรรถนะการผลิตต่างๆ ได้แก่ น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น, อัตราการเลี้ยงรอด, อัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักและดัชนี การผลิตไม่แตกต่างจากกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับการเสริมกรดอินทรีย์ ยกเว้นในช่วงไก่เนื้อระยะเริ่มต้น (1-21 วัน) กลุ่ม PC ที่เสริมกรดอินทรีย์มีอัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักและดัชนีการผลิตดีกว่ากลุ่ม PC ที่ไม่ได้เสริมกรดอินทรีย์ (P<0.05) นอกจากนี้กลุ่มที่มีการเสริมกรดอินทรีย์ทุกกลุ่มทดลองจะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับการเสริม กรดอินทรีย์ และไก่เนื้อกลุ่มที่ได้รับอาหารพื้นฐาน NC1 ร่วมกับการเสริมกรดอินทรีย์ที่ระดับ 1000-750-750 ppm มีผลกำไรที่ต่างจากกลุ่มควบคุมสูงที่สุด เมื่อพิจารณาคุณภาพซากพบว่า ไก่เนื้อทุกกลุ่มทดลองมีคุณภาพซากต่างๆ ไม่มีความแตกต่างกัน (P>0.05)
|
Tipo: |
PhysicalObject
|
Idioma: |
Thailandês
|
Identificador: |
ISSN 0125-0485
http://anchan.lib.ku.ac.th/agnet/handle/001/5781
Khon Kaen Agriculture Journal (Thailand), ISSN 0125-0485, 2013, V. 41, Suppl. 1, p. 27-32
แก่นเกษตร, ISSN 0125-0485, 2556, ปีที่ 41, ฉบับพิเศษ 1, หน้า 27-32
|
Direitos: |
ลิขสิทธิ์เป็นของเจ้าของบทความแต่เพียงผู้เดียว
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
เอกสารนี้สงวนไว้สำหรับการใช้งานเพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ประโยชน์ด้านการค้า ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งห้ามมิให้ดัดแปลงเนื้อหา และต้องอ้างอิงถึงเจ้าของเอกสารทุกครั้งที่มีการนำไปใช้
|
|